The Mask singer (อีกาดำ x ทุเรียน)
มันเป็นฟิคระบายความติ่งค่าท่านผู้โช้มมมมมมมมมมม อีกากินทุเรียนนี่มันดีต่อใจจริงๆ
ผู้เข้าชมรวม
4,510
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงร้องราวกับทุเรียนถูกสับดังไปทั่วห้อง
ทำให้คนที่นั่งข้างๆถึงกับสะดุ้งโหยงสุดตัวด้วยความตกใจ
“ว๊าย! เธอจะร้องทำไมยะ!!”
“ถามว่าร้องทำไมน่ะหรอ”หน้ากากทุเรียนทำหน้าเหลอหลา
ก่อนจะส่งแท็บเลตในมือให้กับผู้จัดการสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
หล่อนเป็นคนของทางสถานีที่ถูกส่งมาดูแลเขาเป็นการส่วนตัว_อันที่จริงผู้เข้าแข่งขันก็มีคนคอยดูแลเช่นนี้กันทุกคน_
มือเรียวรับไปก่อนจะขยับแว่นตาเพื่ออ่านฟีดข่าวบนหน้าจอ
ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะก๊ากชนิดที่ไม่เกรงใจเพื่อนร่วมห้อง
“มันไม่ใช่เรื่องที่น่าหัวเราะเลยนะ!!”
หน้ากากทุเรียนแทรกขึ้นด้วยเสียงที่พูดผ่านไมค์แปลงเสียง
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในห้องส่วนตัว
แต่ตามกฎแล้วพวกเขาห้ามพูดคุยกับคนอื่นๆด้วยเสียงจริงของตนเอง
ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการปกปิดตัวตนของพวกเขา
แต่คนที่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครในสตูดิโอไม่น่ามีถึง 10
คนด้วยซ้ำ
แถมชุดที่ใส่อยู่นี่ก็ชวนให้รู้สึกอยากถอดแล้วกระโดดลงสระน้ำทุกๆสิบนาทีเสมอ...ถ้าในสตูดิโอมีสระน้ำอะนะ
“เอาน่าๆ
เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติน่ะ”ผู้ดูแลสาวพูดปลอบ(ถึงแม้ใบหน้าจะบิดเบี้ยวเพราะกลั้นขำเอาไว้อย่างสุดความสามารถก็ตาม)
“ปกติเรอะ!”ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนด้วยความสูงเต็มที่
“ไอ่ภาพวาดกับนิยายพวกนี้มันเป็นเรื่องปกติเรอะ!”
ผู้จัดการดึงเจ้าของแขนเสื้อสีเขียวลายตารางให้นั่งลง
ชายร่างเล็กใช้มือกุมหน้ากากที่เต็มไปด้วยหนามทุเรียนก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาล่ะไม่เข้าใจความคิดผู้หญิงสมัยนี้เลยจริงๆ
คิดยังไงถึงเอาเขาไปจิ้นกับหน้ากากอีกาดำกัน! ทั้งภาพวาดทั้งฟ—อะไรนะ--ฟิคชั่น!? แถมผุดออกมาอย่างกับดอกเห็ด
แล้วที่สำคัญ ทำไมเขาต้องอยู่ข้างล่างด้วยล่ะนั่น!! นี่เคืองยิ่งกว่าถูกจับจิ้นอีกนะ!
“ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ
มันมีอะไรให้จิ้นกันได้ครับ”เฟรมเดียวกันก็ไม่เคยได้ออก เพลงก็ไม่เคยร้องด้วยกัน
ขนาดอยู่ในสตูดิโอยังแทบไม่เคยคุยกันเลย
ถ้าเป็นคนอื่นอย่างหน้ากากโพนี่ยังพอเข้าใจ แต่นี่อีกา..อีกากินทุเรียนเนี่ยนะ?! บ้าไปแล้วครับทุกท่าน!
“ความน่ารักไง”หล่อนพูดขึ้นพร้อมกับดันแว่นบนจมูก
“ถ้าพวกแฟนเกิร์ลเห็นว่ามันน่ารักหรือมีเคมีที่เข้ากันได้
ไม่จำเป็นว่าต้องเคยเจอกันแล้วถึงจะจิ้นได้นะ เรือผีน่ะรู้จักมั้ย”
มีทฤษฎีเสริมทำเอาคนฟังรู้สึกเริ่มหวาดหวั่นกับแฟนเกิร์ลขึ้นมาแปลกๆ
“แต่ถ้าคิดในแง่ดี
อย่างน้อยเรตติ้งเธอกับหน้ากากอีกาก็มาแรงแซงทางโค้งนะ”พูดไปพลางตบบ่าให้กำลังใจ
“ครับๆ”เสียงถอนหายใจดังผ่านไมโครโฟนอันเล็กอีกรอบ
“ดีใจครับดีใจ ดีใจที่ถูกจับจิ้นครับ”
“ผมว่าผมขอตัวก่อนดีกว่า”หน้ากากทุเรียนผุดลุกขึ้น
ทำเอาผู้จัดการสาวมองด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “ฮอลล์ใหญ่น่าจะว่างแล้ว
ผมว่าจะไปซ้อมร้องเพลงเสียหน่อย”
หล่อนพยักหน้าก่อนจะโบกมือเชิงสื่อความหมายอนุญาตกลายๆ
เมื่อเห็นเช่นนั้นหน้ากากทุเรียนจึงเปิดประตูออกจากห้องไป
เมื่อเห็นหน้ากากทุเรียนเดินออกไปแล้ว
หญิงสาวจึงเบนความสนใจมาอยู่บนแท็บเลตในมือทันที
“ไหนขอลองอ่านนิยายพวกนี้หน่อยซิ”อยากรู้เหลือเกินว่าไอเดียพวกหล่อนจะดีขนาดไหน..
หน้ากากทุเรียนเดินเตะเท้าไปตามทาง
เขาชอบรายการนี้อย่างหนึ่งตรงที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน
พวกเขาไม่ต้องมานั่งระวังภาพพจน์ของตัวเอง นั่นทำให้พวกเขาสามารถแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่
เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่รายการอื่นไม่มี
ชายหนุ่มหยีตามองลอดผ่านหน้ากากทุเรียนของตน
ก่อนจะฉีกยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นคนรู้จักที่คิดว่าจะไม่ได้เห็นอีกหลังจากการแข่งขันของพวกเขาจบลง
หน้ากากโพนี่ยืนอยู่ตรงหัวมุม ดูเหมือนเธอจะเห็นเขาเช่นกัน
ร่างบางจึงรีบจ้ำอ้าวมาทันที
“ทุ~~~~เรียน~~~~~~”
เขามั่นใจมากว่าถ้าเขาไม่ได้ใส่หน้ากาก อีกฝ่ายคงวิ่งมาดึงแก้มเขาเล่นแน่ๆ
“แปลกใจจังที่เจอคุณแหะ”ชายร่างเล็กมองหญิงตรงหน้า
แปลกใจไม่น้อยที่เห็นอีกฝ่ายยังคงใส่ชุดหน้ากากโพนี่ทั้งๆที่การแข่งขันจบลงไปแล้ว
“แล้วทำไมถึงใส่ชุดนั้นมา”
“เพราะชอบน่ะสิ”สาวเจ้าว่าก่อนจะหมุนตัว
“ชุดตัดมาตั้งแพง ต้องใส่ให้คุ้มหน่อยสิ”
หน้ากากทุเรียนเคยคุยกับโพนี่มาหลายครั้งแล้ว_อันที่จริงพวกเขาก็ค่อนข้างสนิทกัน_ เนื่องจากพวกเขานั้นอยู่ทีมเดียวกัน
แต่ครั้งนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป
อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ใส่หน้ากากหรือพูดผ่านไมค์ปลอมเสียง
เธอพูดด้วยเสียงจริงของเธอ ทำให้หน้ากากทุเรียนแอบรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆที่แข่งชนะ
หากแพ้ก็ต้องถอดหน้ากากออก มันเป็นกฎที่ช่วยไม่ได้ในรายการนี้
“อยากรู้ชะมัดว่านายเป็นใคร”หน้ากากโพนี่ทำหน้าบู่
แล้วเอานิ้วจิ้มที่หน้าผาก_หรืออีกนัยหนึ่งคือจิ้มหนามทุเรียน_ของเขา “รอบหน้านายต้องแข่งกับหน้ากากอีกาดำนี่
นั่นก็ตัวเต็งในรายการเหมือนกันนะ”
คำว่าหน้ากากอีกาดำทำให้เขารู้สึกความมั่นใจหดลงเล็กน้อย_ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นแหละ!_ หน้ากากทุเรียนเคยดูอีกฝ่ายร้องเพลงผ่านจอมอนิเตอร์มาก่อน
เรียกได้ว่าคนคนนั้นมีพลังเสียงที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าจะสู้อีกฝ่ายได้มากแค่ไหน แต่พูดก็พูดเถอะ ถ้าหากพวกเขาไม่ได้เป็นคู่แข่งกันล่ะก็
เขาจะไปขอให้คนๆนั้นช่วยสอนการร้องเสียงสูงที่ลากยาวได้แบบนั้นหน่อย เขารู้สึกว่าการร้องแบบนั้นได้มันดูเท่ไม่หยอกเลย
อ๊ะ!
แต่เขาไม่ได้ชมคู่แข่งของตัวเองหรอกนะ
“เอาน่าๆ
แต่สาวๆเขาเชียร์นายเยอะนะ” โพนี่รีบพูดปลอบเมื่อเห็นอีกฝ่ายคอตก “ไม่ต้องกังวลหรอก”
ได้ฟังแบบนี้แล้วหน้ากากทุเรียนจึงเชิดหน้ายืดอกขึ้น
ชายหนุ่มกอดอกก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ผมไม่ได้กังวลหรอกนะ
ก็ผมน่ะออกจะเก่งขนาดนี้”พูดพลางชมตัวเองไปพลาง
มือในถุงมือหนามแอ๊คท่าเก็กหล่อจนคนมองแอบขำกับท่าทีขี้เล่นของเขา “ผมไม่แพ้หรอก
โดยเฉพาะกับคนคนนั้น”
คนที่อยู่ดีๆก็ถูกจับจิ้นให้อยู่ข้างบนเขา
ยังไงก็แพ้ไม่ได้!!
“งั้นผมขอตัวนะ
เดี๋ยวมีคนมาแย่งใช้ฮอลล์ใหญ่ไปเสียก่อน”ทุเรียนว่าก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะแยกกันตรงนั้น
ชายร่างเล็กก็รีบวิ่งไปที่ฮอลล์ที่ใช้สำหรับอัดเทปออกฉายทางช่องของรายการทันที ด้านในฮอลล์มีทีมงานอยู่บ้างประปรายซึ่งกำลังเช็คอุปกรณ์สำหรับการอัดเทปรอบชิงของทีม
C คืนนี้ ด้วยเหตุนี้หน้ากากทุเรียนจึงเลือกมาใช้ฮอลล์นี้ซ้อมร้องเพลงตอนบ่ายแทน
ชายหนุ่มโบกมือทักทายพวกเขาอย่างสนิทสนมก่อนจะเดินไปหยิบไมโครโฟนที่มุมห้อง ครึ่งหนึ่งของฮอลล์นั้นมืดมาก
ไฟที่เปิดมีแค่บริเวณเวที และเขาก็ไม่กล้าไปเปิดไฟเพียงเพราะแค่มาซ้อมที่นี่
เอาเป็นว่าร้องไปทั้งอย่างนี้เลยแล้วกัน
ชายหนุ่มปิดเสียงไมค์ปลอม
ก่อนจะเริ่มร้องเพลง
.
.
.
.
.
.
อาจเป็นเพราะฟังเพลง
“ทิ้งรักลงแม่น้ำ” มากเกินไป หน้ากากอีกาดำถึงได้ฝันว่าตัวเองกำลังลอยอยู่ในแม่น้ำ
ก่อนจะถูกกระชากกลับขึ้นมายังความเป็นจริงด้วยเสียงหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของใครคนหนึ่ง
สิ่งแรกที่เขาเห็นผ่านหน้ากากคือความมืด
มืดมากจนแม้แต่มือของตัวเองก็ยังมองไม่เห็น
ก่อนหน้านี้หน้ากากอีกาดำมาซ้อมร้องเพลงที่นี่
แต่ดูเหมือนเครื่องปรับอากาศในฮอลล์จะทำงานได้ดีเกินไป แอร์เย็นๆจึงทำให้เขาเผลอผล็อยหลับไปเสียนี่
สงสัยทีมงานคงใจดีเลยช่วยปิดไฟส่วนที่นั่งผู้ชมให้
ชายในชุดพรางสีดำมองที่มาของเสียงหวานที่ยืนอยู่บนเวที ร่างเล็กในชุดสีเขียวและหน้ากากหนามทุเรียนอันเป็นเอกลักษณ์บ่งบอกว่าคนคนนี้คือคนที่ต้องมาแข่งรอบชิงระหว่างทีม
AและB
กับเขา หน้ากากทุเรียนนั่นเอง
แอบแปลกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายกล้ามาซ้อมร้องเพลงต่อหน้าคู่แข่งอย่างเขา
ถึงจะเป็นเพลงที่เคยร้องไปแล้วอย่าง “ If I ain't got you”ก็ตามที หรือว่า..มองไม่เห็นว่ามีเขานั่งอยู่ในห้องนี้กัน
ขนาดตอนแรกเขายังมองมือตัวเองไม่เห็นเลย การใส่หน้ากากนี่มันบดบังวิสัยทัศน์คนแก่จริงๆ
แต่ก็เสียงดีใช่เล่นนะ
But everything means nothing
If I ain't got you, yeah
ทุกอย่างจะไร้ความหมายถ้าขาดคุณ หน้ากากอีกาดำแปลเนื้อเพลงในใจพลางโยกตัวตามจังหวะของเพลง
If I ain't got you with me, baby
So nothing in this whole wide world don't mean a thing
If I ain't got you with me, baby
หน้ากากทุเรียนโค้งตัวลงเมื่อร้องเพลงจบราวกับมีคนนั่งดูอยู่จริงๆ แต่แล้วชายร่างเล็กก็สะดุ้งโหยงจนสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงปรบมือมาจากที่นั่งของคนดู
ก่อนจะตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อสิ่งที่เดินออกมาจากความมืดคือหน้ากากอีกาดำ
คู่แข่งของตน
“คุณ!!”ร้องอุทานโดยไม่ลืมเปิดเสียงไมค์ปลอม
หน้ากากทุเรียนรีบถอยสร้างระยะห่างในทันที
เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่!
“คุณร้องเพราะมาก”ชายหนุ่มที่สูงกว่านิดหน่อยเอ่ยชมจากใจจริง
เขาเองก็พึ่งเคยได้ยินหน้ากากทุเรียนร้องเพลงสดก็คราวนี้แหละ ถึงจะเป็นเพียงท่อนสั้นๆ
แต่น้ำเสียงนั้นก็ทำให้รู้สึกประทับใจได้ไม่ยาก “ทำเอาผมกังวลที่ต้องแข่งกับคุณเลยล่ะ”ต่อยอดบทสนทนาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
“คุณมาสอดแนมผมหรอ”คำถามตรงๆบวกกับท่าทีหวาดระแวงของคนตัวเล็กที่เสริมส้นตรงหน้าทำให้คนแก่กว่ากลั้นขำในใจ
มองไม่เห็นเขาจริงๆด้วย
“เปล่า”หน้ากากอีกาดำตอบไปตรง
“ผมนั่งของผมอยู่นานแล้ว คุณมองไม่เห็นผมเอง”
ใบหน้าภายใต้หน้ากากขึ้นริ้วสีแดงจางๆ
เขาลืมนึกไปว่าทางเข้าเวทีมีอยู่ทางเดียว
ซึ่งไม่มีทางที่หน้ากากอีกาดำจะเข้ามาทีหลังเขาโดยที่เขาไม่เห็น นั่นก็แปลว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ในนี้มานานแล้ว
แล้วเขาก็ทะเล่อทะล่าเดินเข้ามาร้องเพลง ทุเรียนเอ้ยยย ดีนะที่ไม่ร้องเพลงใหม่ที่ใช้แข่ง!
“แล้วทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ!!”
หน้ากากอีกาดำไหวไหล่(ใครจะไปบอกล่ะว่าจริงๆแล้วนั่งหลับอยู่)
แต่ก็ดีจริงๆที่ได้เจอกับชายหนุ่ม “เพลงเมื่อกี้ ช่วยร้องให้ฟังอีกครั้งได้ไหม”จู่ๆเขาก็กล่าวขึ้น
“ห้ะ?!”
“ขอร้องล่ะ”เขากล่าวก่อนจะเว้นช่วงเล็กน้อยแล้วพูดอีกประโยคหนึ่งออกมา
“ผมอยากฟังเสียงของคุณ”
หน้ากากทุเรียนถึงกับไปต่อไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายใช้เสียงทุ้มต่ำราวกับกำลังอ้อนวอนเขา
ประโยคเมื่อครู่ที่กล่าวออกมาแอบคิดว่าถ้าใช้เสียงจริงพูดคงจะน่าฟังไม่น้อย ชายหนุ่มไล่ความคิดแปลกๆออกจากหัวก่อนจะพยักหน้าแล้วปิดเสียงไมค์ปลอมอีกครั้ง
หน้ากากอีกาดำยิ้มออกมา
ไม่รู้ทำไมจู่ๆถึงได้ถามไปแบบนั้น
รู้แค่ว่าอยากฟัง อยากได้ยินเสียงร้องของคนๆนี้อีกครั้ง อยากได้ยินเสียงหวานที่ร้องเพลงให้กับเขาแค่คนเดียว
Some people search for a fountain
That promises forever young
ดวงตาภายใต้หน้ากากอีกาจับจ้องไปที่ร่างตรงหน้า
Some people need three dozen roses
And that’s the only way to prove you love them
เสียงหวานที่ดึงดูด
เสียงหวานที่มีเสน่ห์
Hand me the world on a silver platter
And what good would it be
เสียงที่พอได้ฟังแล้วก็ควบคุมตัวเองไม่ได้
With no one to
share
With no one who truly cares for me
รู้ตัวอีกที
ก็มายืนอยู่ข้างๆกันแล้ว
Some people want it all
But I don’t want nothing at all
เสียงแหบร้องแทรกขึ้น
หน้ากากทุเรียนหันไปมอง
If it ain’t you baby
If I ain’t got you baby
ดวงตาภายใต้หน้ากากสบเข้าหากัน
หน้ากากทุเรียนยืนนิ่งราวกับตกอยู่ในภวังค์
Some people want diamond rings
Some just want everything
เสียงแหบดึงดูดเขาไป
จนไม่สังเกตว่าพวกเขายืนใกล้กันขนาดไหน
But everything means nothing
If I ain’t got you, you, you
หน้ากากอีกาดำมองอีกฝ่ายขณะร้องท่อนนี้
Some people want it all
But I don’t want nothing at all
เขาทำแบบนี้ไปทำไม
เขาต้องการอะไรอย่างนั้นหรือ
If it ain’t you baby
If I ain’t got you baby
สิ่งที่พวกเขาต้องการคืออะไรกันแน่
สองเสียงร้องประสานกันทั้งๆที่ไม่เคยซ้อมด้วยกันมาก่อน
หน้ากากอีกาดำผายมือก่อนที่หน้ากากทุเรียนจะวางมือลงอย่างง่ายดาย
ชายในชุดพรางสีดำกุมมือนั้นไว้ราวกับมันเป็นของที่มีค่า
If I ain't got you with me, baby
เนื้อร้องท่อนสุดท้ายจบลง
แต่พวกเขาก็ยังกุมมือกันเอาไว้ ทุกอย่างจะไร้ความหมาย
หากไม่มีเธอ เนื้อเพลงถูกกล่าวไว้เช่นนี้
พวกเขาจะไม่มีความหมาย
หากขาดกันและกัน
เรียกแบบนี้ได้รึเปล่านะ?
ทั้งคู่ยืนนิ่งและมองอีกฝ่ายผ่านหน้ากาก
“ดูเหมือนเราจะเข้ากันได้ดีกว่าที่คิดนะ”หน้ากากอีกาดำเป็นฝ่ายเอ่ยไล่ความเงียบ
“อะ..อืม ใช่แล้ว! วันแข่งกันต้องไม่มีปัญหาแน่ๆ” อยู่ดีๆความเขินก็ตีขึ้นหน้าจนลิ้นพันกันรัว
“ผมไปก่อนดีกว่า เผื่อว่าคุณจะซ้อมอีก”หน้ากากทุเรียนละล่ำละลัก
โชคดีจริงๆที่ใส่หน้ากากอยู่ ไม่งั้นคงได้ถูกเห็นสภาพที่ไม่น่าดูแน่ๆ
ชายหนุ่มยกมือออกแล้วรีบเดินหนีออกจากฮอลล์ไป
เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ยยย
ไปทำแบบนั้นกับคนที่ไม่สนิทได้ยังไง!
หน้ากากทุเรียนจึงได้แต่บอกกับตัวเองว่าเป็นเพราะอารมณ์เพลงมันพาไป
เขาไม่ได้ทำไปเพราะหลงเคลิ้มเสียงของอีกฝ่ายเสียหน่อย แล้วที่หนีมานี่ก็ไม่ได้เขินด้วย
ไม่เลยจริงๆ!
หน้ากากอีกายืนมองร่างเล็กที่รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปด้วยความขบขันปนเอ็นดู
เป็นคนที่น่ารักกว่าที่คิดแหะ อา..เขารอวันที่จะได้อัดเทปพร้อมกันไม่ไหวจริงๆ
.
.
.
.
.
อยากกิน..ทุเรียน”
_______________________________________________________________________________________________
ตอนนี้ติ่งรายการนี้มากๆเลยอะ แบบว่าเชียร์ข้างไม่ถูกว่าจะเอาอีกาหรือทุเรียนดี อีกคนหนุ่มหวาน อีกคนก็หนุ่มร็อค อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
เป็นฟิคที่ใช้เวลาเเต่งร่วม 6 วัน อนึ่งคือติดสอบ 55555 ถ้าหลุดยังไงก็ขอโทษด้วยค่ะ แบบว่า นู๋เมากาว(...)
ถ้ามีไอเดียก็อาจเเต่งต่อ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ เด็กหญิงจานบิน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เด็กหญิงจานบิน
ความคิดเห็น