The Mask singer (อีกาดำ x ทุเรียน) - The Mask singer (อีกาดำ x ทุเรียน) นิยาย The Mask singer (อีกาดำ x ทุเรียน) : Dek-D.com - Writer

    The Mask singer (อีกาดำ x ทุเรียน)

    มันเป็นฟิคระบายความติ่งค่าท่านผู้โช้มมมมมมมมมมม อีกากินทุเรียนนี่มันดีต่อใจจริงๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    4,510

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    4.51K

    ความคิดเห็น


    16

    คนติดตาม


    87
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ก.พ. 60 / 19:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงร้องราวกับทุเรียนถูกสับดังไปทั่วห้อง ทำให้คนที่นั่งข้างๆถึงกับสะดุ้งโหยงสุดตัวด้วยความตกใจ

    “ว๊าย! เธอจะร้องทำไมยะ!!

    “ถามว่าร้องทำไมน่ะหรอ”หน้ากากทุเรียนทำหน้าเหลอหลา ก่อนจะส่งแท็บเลตในมือให้กับผู้จัดการสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ หล่อนเป็นคนของทางสถานีที่ถูกส่งมาดูแลเขาเป็นการส่วนตัว_อันที่จริงผู้เข้าแข่งขันก็มีคนคอยดูแลเช่นนี้กันทุกคน_ มือเรียวรับไปก่อนจะขยับแว่นตาเพื่ออ่านฟีดข่าวบนหน้าจอ

    ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะก๊ากชนิดที่ไม่เกรงใจเพื่อนร่วมห้อง

    “มันไม่ใช่เรื่องที่น่าหัวเราะเลยนะ!!” หน้ากากทุเรียนแทรกขึ้นด้วยเสียงที่พูดผ่านไมค์แปลงเสียง ถึงแม้ว่าจะอยู่ในห้องส่วนตัว แต่ตามกฎแล้วพวกเขาห้ามพูดคุยกับคนอื่นๆด้วยเสียงจริงของตนเอง ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการปกปิดตัวตนของพวกเขา แต่คนที่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครในสตูดิโอไม่น่ามีถึง 10 คนด้วยซ้ำ แถมชุดที่ใส่อยู่นี่ก็ชวนให้รู้สึกอยากถอดแล้วกระโดดลงสระน้ำทุกๆสิบนาทีเสมอ...ถ้าในสตูดิโอมีสระน้ำอะนะ

    “เอาน่าๆ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติน่ะ”ผู้ดูแลสาวพูดปลอบ(ถึงแม้ใบหน้าจะบิดเบี้ยวเพราะกลั้นขำเอาไว้อย่างสุดความสามารถก็ตาม)

    “ปกติเรอะ!”ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนด้วยความสูงเต็มที่ “ไอ่ภาพวาดกับนิยายพวกนี้มันเป็นเรื่องปกติเรอะ!

    ผู้จัดการดึงเจ้าของแขนเสื้อสีเขียวลายตารางให้นั่งลง ชายร่างเล็กใช้มือกุมหน้ากากที่เต็มไปด้วยหนามทุเรียนก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาล่ะไม่เข้าใจความคิดผู้หญิงสมัยนี้เลยจริงๆ

    คิดยังไงถึงเอาเขาไปจิ้นกับหน้ากากอีกาดำกัน! ทั้งภาพวาดทั้งฟอะไรนะ--ฟิคชั่น!? แถมผุดออกมาอย่างกับดอกเห็ด แล้วที่สำคัญ ทำไมเขาต้องอยู่ข้างล่างด้วยล่ะนั่น!! นี่เคืองยิ่งกว่าถูกจับจิ้นอีกนะ!

    “ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ มันมีอะไรให้จิ้นกันได้ครับ”เฟรมเดียวกันก็ไม่เคยได้ออก เพลงก็ไม่เคยร้องด้วยกัน ขนาดอยู่ในสตูดิโอยังแทบไม่เคยคุยกันเลย ถ้าเป็นคนอื่นอย่างหน้ากากโพนี่ยังพอเข้าใจ แต่นี่อีกา..อีกากินทุเรียนเนี่ยนะ?! บ้าไปแล้วครับทุกท่าน!

    “ความน่ารักไง”หล่อนพูดขึ้นพร้อมกับดันแว่นบนจมูก “ถ้าพวกแฟนเกิร์ลเห็นว่ามันน่ารักหรือมีเคมีที่เข้ากันได้ ไม่จำเป็นว่าต้องเคยเจอกันแล้วถึงจะจิ้นได้นะ เรือผีน่ะรู้จักมั้ย” มีทฤษฎีเสริมทำเอาคนฟังรู้สึกเริ่มหวาดหวั่นกับแฟนเกิร์ลขึ้นมาแปลกๆ

    “แต่ถ้าคิดในแง่ดี อย่างน้อยเรตติ้งเธอกับหน้ากากอีกาก็มาแรงแซงทางโค้งนะ”พูดไปพลางตบบ่าให้กำลังใจ

    “ครับๆ”เสียงถอนหายใจดังผ่านไมโครโฟนอันเล็กอีกรอบ “ดีใจครับดีใจ ดีใจที่ถูกจับจิ้นครับ”

    “ผมว่าผมขอตัวก่อนดีกว่า”หน้ากากทุเรียนผุดลุกขึ้น ทำเอาผู้จัดการสาวมองด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “ฮอลล์ใหญ่น่าจะว่างแล้ว ผมว่าจะไปซ้อมร้องเพลงเสียหน่อย”

    หล่อนพยักหน้าก่อนจะโบกมือเชิงสื่อความหมายอนุญาตกลายๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นหน้ากากทุเรียนจึงเปิดประตูออกจากห้องไป

    เมื่อเห็นหน้ากากทุเรียนเดินออกไปแล้ว หญิงสาวจึงเบนความสนใจมาอยู่บนแท็บเลตในมือทันที

    “ไหนขอลองอ่านนิยายพวกนี้หน่อยซิ”อยากรู้เหลือเกินว่าไอเดียพวกหล่อนจะดีขนาดไหน..

    หน้ากากทุเรียนเดินเตะเท้าไปตามทาง เขาชอบรายการนี้อย่างหนึ่งตรงที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน พวกเขาไม่ต้องมานั่งระวังภาพพจน์ของตัวเอง นั่นทำให้พวกเขาสามารถแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่รายการอื่นไม่มี

    ชายหนุ่มหยีตามองลอดผ่านหน้ากากทุเรียนของตน ก่อนจะฉีกยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นคนรู้จักที่คิดว่าจะไม่ได้เห็นอีกหลังจากการแข่งขันของพวกเขาจบลง หน้ากากโพนี่ยืนอยู่ตรงหัวมุม ดูเหมือนเธอจะเห็นเขาเช่นกัน ร่างบางจึงรีบจ้ำอ้าวมาทันที

    “ทุ~~~~เรียน~~~~~~” เขามั่นใจมากว่าถ้าเขาไม่ได้ใส่หน้ากาก อีกฝ่ายคงวิ่งมาดึงแก้มเขาเล่นแน่ๆ

    “แปลกใจจังที่เจอคุณแหะ”ชายร่างเล็กมองหญิงตรงหน้า แปลกใจไม่น้อยที่เห็นอีกฝ่ายยังคงใส่ชุดหน้ากากโพนี่ทั้งๆที่การแข่งขันจบลงไปแล้ว “แล้วทำไมถึงใส่ชุดนั้นมา”

    “เพราะชอบน่ะสิ”สาวเจ้าว่าก่อนจะหมุนตัว “ชุดตัดมาตั้งแพง ต้องใส่ให้คุ้มหน่อยสิ”

    หน้ากากทุเรียนเคยคุยกับโพนี่มาหลายครั้งแล้ว_อันที่จริงพวกเขาก็ค่อนข้างสนิทกัน_ เนื่องจากพวกเขานั้นอยู่ทีมเดียวกัน แต่ครั้งนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ใส่หน้ากากหรือพูดผ่านไมค์ปลอมเสียง เธอพูดด้วยเสียงจริงของเธอ ทำให้หน้ากากทุเรียนแอบรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆที่แข่งชนะ

    หากแพ้ก็ต้องถอดหน้ากากออก มันเป็นกฎที่ช่วยไม่ได้ในรายการนี้

    “อยากรู้ชะมัดว่านายเป็นใคร”หน้ากากโพนี่ทำหน้าบู่ แล้วเอานิ้วจิ้มที่หน้าผาก_หรืออีกนัยหนึ่งคือจิ้มหนามทุเรียน_ของเขา “รอบหน้านายต้องแข่งกับหน้ากากอีกาดำนี่ นั่นก็ตัวเต็งในรายการเหมือนกันนะ”

    คำว่าหน้ากากอีกาดำทำให้เขารู้สึกความมั่นใจหดลงเล็กน้อย_ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นแหละ!_ หน้ากากทุเรียนเคยดูอีกฝ่ายร้องเพลงผ่านจอมอนิเตอร์มาก่อน เรียกได้ว่าคนคนนั้นมีพลังเสียงที่ไม่ธรรมดาจริงๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าจะสู้อีกฝ่ายได้มากแค่ไหน แต่พูดก็พูดเถอะ ถ้าหากพวกเขาไม่ได้เป็นคู่แข่งกันล่ะก็ เขาจะไปขอให้คนๆนั้นช่วยสอนการร้องเสียงสูงที่ลากยาวได้แบบนั้นหน่อย เขารู้สึกว่าการร้องแบบนั้นได้มันดูเท่ไม่หยอกเลย

    อ๊ะ! แต่เขาไม่ได้ชมคู่แข่งของตัวเองหรอกนะ

    “เอาน่าๆ แต่สาวๆเขาเชียร์นายเยอะนะ” โพนี่รีบพูดปลอบเมื่อเห็นอีกฝ่ายคอตก “ไม่ต้องกังวลหรอก” ได้ฟังแบบนี้แล้วหน้ากากทุเรียนจึงเชิดหน้ายืดอกขึ้น ชายหนุ่มกอดอกก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

    “ผมไม่ได้กังวลหรอกนะ ก็ผมน่ะออกจะเก่งขนาดนี้”พูดพลางชมตัวเองไปพลาง มือในถุงมือหนามแอ๊คท่าเก็กหล่อจนคนมองแอบขำกับท่าทีขี้เล่นของเขา “ผมไม่แพ้หรอก โดยเฉพาะกับคนคนนั้น”

    คนที่อยู่ดีๆก็ถูกจับจิ้นให้อยู่ข้างบนเขา ยังไงก็แพ้ไม่ได้!!

    “งั้นผมขอตัวนะ เดี๋ยวมีคนมาแย่งใช้ฮอลล์ใหญ่ไปเสียก่อน”ทุเรียนว่าก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะแยกกันตรงนั้น ชายร่างเล็กก็รีบวิ่งไปที่ฮอลล์ที่ใช้สำหรับอัดเทปออกฉายทางช่องของรายการทันที ด้านในฮอลล์มีทีมงานอยู่บ้างประปรายซึ่งกำลังเช็คอุปกรณ์สำหรับการอัดเทปรอบชิงของทีม C คืนนี้ ด้วยเหตุนี้หน้ากากทุเรียนจึงเลือกมาใช้ฮอลล์นี้ซ้อมร้องเพลงตอนบ่ายแทน ชายหนุ่มโบกมือทักทายพวกเขาอย่างสนิทสนมก่อนจะเดินไปหยิบไมโครโฟนที่มุมห้อง  ครึ่งหนึ่งของฮอลล์นั้นมืดมาก ไฟที่เปิดมีแค่บริเวณเวที และเขาก็ไม่กล้าไปเปิดไฟเพียงเพราะแค่มาซ้อมที่นี่ เอาเป็นว่าร้องไปทั้งอย่างนี้เลยแล้วกัน

    ชายหนุ่มปิดเสียงไมค์ปลอม ก่อนจะเริ่มร้องเพลง

    .
    .
    .
    .
    .
    .

    อาจเป็นเพราะฟังเพลง “ทิ้งรักลงแม่น้ำ” มากเกินไป หน้ากากอีกาดำถึงได้ฝันว่าตัวเองกำลังลอยอยู่ในแม่น้ำ ก่อนจะถูกกระชากกลับขึ้นมายังความเป็นจริงด้วยเสียงหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของใครคนหนึ่ง

    สิ่งแรกที่เขาเห็นผ่านหน้ากากคือความมืด มืดมากจนแม้แต่มือของตัวเองก็ยังมองไม่เห็น

    ก่อนหน้านี้หน้ากากอีกาดำมาซ้อมร้องเพลงที่นี่ แต่ดูเหมือนเครื่องปรับอากาศในฮอลล์จะทำงานได้ดีเกินไป แอร์เย็นๆจึงทำให้เขาเผลอผล็อยหลับไปเสียนี่ สงสัยทีมงานคงใจดีเลยช่วยปิดไฟส่วนที่นั่งผู้ชมให้

    ชายในชุดพรางสีดำมองที่มาของเสียงหวานที่ยืนอยู่บนเวที ร่างเล็กในชุดสีเขียวและหน้ากากหนามทุเรียนอันเป็นเอกลักษณ์บ่งบอกว่าคนคนนี้คือคนที่ต้องมาแข่งรอบชิงระหว่างทีม AและB กับเขา หน้ากากทุเรียนนั่นเอง

    แอบแปลกใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายกล้ามาซ้อมร้องเพลงต่อหน้าคู่แข่งอย่างเขา ถึงจะเป็นเพลงที่เคยร้องไปแล้วอย่าง If I ain't got you”ก็ตามที หรือว่า..มองไม่เห็นว่ามีเขานั่งอยู่ในห้องนี้กัน ขนาดตอนแรกเขายังมองมือตัวเองไม่เห็นเลย การใส่หน้ากากนี่มันบดบังวิสัยทัศน์คนแก่จริงๆ

     แต่ก็เสียงดีใช่เล่นนะ

    But everything means nothing

    If I ain't got you, yeah

    ทุกอย่างจะไร้ความหมายถ้าขาดคุณ หน้ากากอีกาดำแปลเนื้อเพลงในใจพลางโยกตัวตามจังหวะของเพลง

    If I ain't got you with me, baby

    So nothing in this whole wide world don't mean a thing

    If I ain't got you with me, baby

    หน้ากากทุเรียนโค้งตัวลงเมื่อร้องเพลงจบราวกับมีคนนั่งดูอยู่จริงๆ แต่แล้วชายร่างเล็กก็สะดุ้งโหยงจนสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงปรบมือมาจากที่นั่งของคนดู ก่อนจะตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อสิ่งที่เดินออกมาจากความมืดคือหน้ากากอีกาดำ คู่แข่งของตน

    “คุณ!!”ร้องอุทานโดยไม่ลืมเปิดเสียงไมค์ปลอม หน้ากากทุเรียนรีบถอยสร้างระยะห่างในทันที

    เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่!

    “คุณร้องเพราะมาก”ชายหนุ่มที่สูงกว่านิดหน่อยเอ่ยชมจากใจจริง เขาเองก็พึ่งเคยได้ยินหน้ากากทุเรียนร้องเพลงสดก็คราวนี้แหละ ถึงจะเป็นเพียงท่อนสั้นๆ แต่น้ำเสียงนั้นก็ทำให้รู้สึกประทับใจได้ไม่ยาก “ทำเอาผมกังวลที่ต้องแข่งกับคุณเลยล่ะ”ต่อยอดบทสนทนาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

    “คุณมาสอดแนมผมหรอ”คำถามตรงๆบวกกับท่าทีหวาดระแวงของคนตัวเล็กที่เสริมส้นตรงหน้าทำให้คนแก่กว่ากลั้นขำในใจ มองไม่เห็นเขาจริงๆด้วย

    “เปล่า”หน้ากากอีกาดำตอบไปตรง “ผมนั่งของผมอยู่นานแล้ว คุณมองไม่เห็นผมเอง”

    ใบหน้าภายใต้หน้ากากขึ้นริ้วสีแดงจางๆ เขาลืมนึกไปว่าทางเข้าเวทีมีอยู่ทางเดียว ซึ่งไม่มีทางที่หน้ากากอีกาดำจะเข้ามาทีหลังเขาโดยที่เขาไม่เห็น นั่นก็แปลว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ในนี้มานานแล้ว แล้วเขาก็ทะเล่อทะล่าเดินเข้ามาร้องเพลง ทุเรียนเอ้ยยย ดีนะที่ไม่ร้องเพลงใหม่ที่ใช้แข่ง!

    “แล้วทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ!!

    หน้ากากอีกาดำไหวไหล่(ใครจะไปบอกล่ะว่าจริงๆแล้วนั่งหลับอยู่) แต่ก็ดีจริงๆที่ได้เจอกับชายหนุ่ม “เพลงเมื่อกี้ ช่วยร้องให้ฟังอีกครั้งได้ไหม”จู่ๆเขาก็กล่าวขึ้น

    “ห้ะ?!

    “ขอร้องล่ะ”เขากล่าวก่อนจะเว้นช่วงเล็กน้อยแล้วพูดอีกประโยคหนึ่งออกมา “ผมอยากฟังเสียงของคุณ”

    หน้ากากทุเรียนถึงกับไปต่อไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายใช้เสียงทุ้มต่ำราวกับกำลังอ้อนวอนเขา ประโยคเมื่อครู่ที่กล่าวออกมาแอบคิดว่าถ้าใช้เสียงจริงพูดคงจะน่าฟังไม่น้อย ชายหนุ่มไล่ความคิดแปลกๆออกจากหัวก่อนจะพยักหน้าแล้วปิดเสียงไมค์ปลอมอีกครั้ง หน้ากากอีกาดำยิ้มออกมา

    ไม่รู้ทำไมจู่ๆถึงได้ถามไปแบบนั้น รู้แค่ว่าอยากฟัง อยากได้ยินเสียงร้องของคนๆนี้อีกครั้ง อยากได้ยินเสียงหวานที่ร้องเพลงให้กับเขาแค่คนเดียว

    Some people search for a fountain
    That promises forever young

    ดวงตาภายใต้หน้ากากอีกาจับจ้องไปที่ร่างตรงหน้า

    Some people need three dozen roses
    And that’s the only way to prove you love them

    เสียงหวานที่ดึงดูด  เสียงหวานที่มีเสน่ห์

    Hand me the world on a silver platter
    And what good would it be

    เสียงที่พอได้ฟังแล้วก็ควบคุมตัวเองไม่ได้                            

    With no one to share 
    With no one who truly cares for me

    รู้ตัวอีกที ก็มายืนอยู่ข้างๆกันแล้ว

    Some people want it all
    But I don’t want nothing at all

    เสียงแหบร้องแทรกขึ้น หน้ากากทุเรียนหันไปมอง

    If it ain’t you baby

    If I ain’t got you baby

    ดวงตาภายใต้หน้ากากสบเข้าหากัน หน้ากากทุเรียนยืนนิ่งราวกับตกอยู่ในภวังค์

    Some people want diamond rings

    Some just want everything

    เสียงแหบดึงดูดเขาไป จนไม่สังเกตว่าพวกเขายืนใกล้กันขนาดไหน

    But everything means nothing

    If I ain’t got you, you, you

    หน้ากากอีกาดำมองอีกฝ่ายขณะร้องท่อนนี้

    Some people want it all

    But I don’t want nothing at all

    เขาทำแบบนี้ไปทำไม เขาต้องการอะไรอย่างนั้นหรือ

    If it ain’t you baby

    If I ain’t got you baby

    สิ่งที่พวกเขาต้องการคืออะไรกันแน่

    สองเสียงร้องประสานกันทั้งๆที่ไม่เคยซ้อมด้วยกันมาก่อน หน้ากากอีกาดำผายมือก่อนที่หน้ากากทุเรียนจะวางมือลงอย่างง่ายดาย ชายในชุดพรางสีดำกุมมือนั้นไว้ราวกับมันเป็นของที่มีค่า

    If I ain't got you with me, baby

                เนื้อร้องท่อนสุดท้ายจบลง แต่พวกเขาก็ยังกุมมือกันเอาไว้  ทุกอย่างจะไร้ความหมาย หากไม่มีเธอ เนื้อเพลงถูกกล่าวไว้เช่นนี้

                    พวกเขาจะไม่มีความหมาย หากขาดกันและกัน

                    เรียกแบบนี้ได้รึเปล่านะ?

    ทั้งคู่ยืนนิ่งและมองอีกฝ่ายผ่านหน้ากาก

                    “ดูเหมือนเราจะเข้ากันได้ดีกว่าที่คิดนะ”หน้ากากอีกาดำเป็นฝ่ายเอ่ยไล่ความเงียบ

                    “อะ..อืม ใช่แล้ว! วันแข่งกันต้องไม่มีปัญหาแน่ๆ” อยู่ดีๆความเขินก็ตีขึ้นหน้าจนลิ้นพันกันรัว

                    “ผมไปก่อนดีกว่า เผื่อว่าคุณจะซ้อมอีก”หน้ากากทุเรียนละล่ำละลัก โชคดีจริงๆที่ใส่หน้ากากอยู่ ไม่งั้นคงได้ถูกเห็นสภาพที่ไม่น่าดูแน่ๆ ชายหนุ่มยกมือออกแล้วรีบเดินหนีออกจากฮอลล์ไป

    เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ยยย ไปทำแบบนั้นกับคนที่ไม่สนิทได้ยังไง!

    หน้ากากทุเรียนจึงได้แต่บอกกับตัวเองว่าเป็นเพราะอารมณ์เพลงมันพาไป เขาไม่ได้ทำไปเพราะหลงเคลิ้มเสียงของอีกฝ่ายเสียหน่อย แล้วที่หนีมานี่ก็ไม่ได้เขินด้วย

    ไม่เลยจริงๆ!

    หน้ากากอีกายืนมองร่างเล็กที่รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปด้วยความขบขันปนเอ็นดู เป็นคนที่น่ารักกว่าที่คิดแหะ อา..เขารอวันที่จะได้อัดเทปพร้อมกันไม่ไหวจริงๆ

    .
    .
    .
    .
    .
    อยากกิน..ทุเรียน”

    _______________________________________________________________________________________________

    ตอนนี้ติ่งรายการนี้มากๆเลยอะ แบบว่าเชียร์ข้างไม่ถูกว่าจะเอาอีกาหรือทุเรียนดี อีกคนหนุ่มหวาน อีกคนก็หนุ่มร็อค อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    เป็นฟิคที่ใช้เวลาเเต่งร่วม 6 วัน อนึ่งคือติดสอบ 55555 ถ้าหลุดยังไงก็ขอโทษด้วยค่ะ แบบว่า นู๋เมากาว(...)

    ถ้ามีไอเดียก็อาจเเต่งต่อ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×